เมื่อเราเอาชนะความกลัวได้ ใจเราก็พองโต … อาจเป็นเรื่องง่ายสำหรับใครหลายคน แต่สำหรับเราไม่เลย พอทำได้ก็กลายเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ในใจเรา
เราดูคลิปนี้หลายรอบมากกก นับไม่ได้เลยว่ากี่รอบ คือมันดีใจไง แต่จะเรียกว่าว่ายน้ำเป็นแล้วก็ยังพูดไม่ได้ซะทีเดียว อันนี้ที่ครูถ่ายให้ตอนเรียนชั่วโมงที่ 7 สอนท่าหมุนแขนพลิกหน้าหายใจ ท่ายังไม่สวยหรอก ระบบหายใจก็ยังไม่ดี เหนื่อยง่ายมาก ว่ายระยะไกลยังไม่ค่อยไหว น้ำลึกก็ยังมีหวั่น ต้องฝึกอีกเยอะพอสมควร
แต่สำหรับเราได้ขนาดนี้ก็ตื้นตันสุด ๆ หากเทียบกับชั่วโมงแรก ที่นึกภาพตัวเองแบบตอนนี้ไม่ออกเลย ไม่คิดว่าจะได้ขนาดนี้ด้วย ยังพูดกับครูว่าเป็นไปได้เหรอที่เรียน 10 ชั่วโมงแล้วจะว่ายเป็น จากที่ไม่กล้าลงน้ำคนเดียวเลย ไม่กล้าลอยตัว ไม่กล้าปล่อยสิ่งยึดเหนี่ยวเมื่อลงน้ำ เท้าไม่ถึงพื้นเป็นร้อง (เคยเหมือนจะเริ่มเรียนมา 2 ครั้ง แต่ก็ไม่จริงจัง เรียกว่ายังไม่เป็นอะไรเลยดีกว่า)
มาถึงตอนนี้เรียนไปได้ 9 ชั่วโมงละ เหลืออีก 1 ครั้ง ตั้งใจว่าจะปิดคอร์สให้ได้ก่อนปีใหม่ ครั้งที่ 9 และ 10 นี้ ครูไม่ลงน้ำด้วยแล้ว ปล่อยเดี่ยวเลย อันที่จริงครูเต้ยที่สอน ลงน้ำด้วยในชั่วโมงที่ 1 – 8 เขาก็ไม่ได้เข้ามาสอนหรือช่วยจัดท่าแบบประกบตัวนะ คืออยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ แหละ เราก็ว่าเป็นวิธีสอนที่ดี ไม่ทำให้เราเกร็ง ทำให้เราตั้งใจ เขาจะบอกเทคนิค วิธีการ และทำท่าให้ดูมากกว่า แต่การอยู่ในน้ำด้วย ก็ทำให้เราอุ่นใจได้มากโข ก็คือหากเกิดเหตุอะไรก็สามารถช่วยได้ทันท่วงที แต่พอมาถึงตอนนี้ครูเริ่มต้องปล่อยแล้ว ดูและคอยบอกอยู่บนสระแทน และให้เราว่ายน้ำลึกแบบทางยาวระยะไกลขึ้นแล้ว
เอาจริง ๆ การเรียนว่ายน้ำสำหรับคนที่ไม่เป็นเลย นอกจากสมรรถภาพร่างกายแล้ว เราว่า “ใจ” สำคัญยืนหนึ่งเลยล่ะ
สำหรับเราเตรียมตัวเตรียมใจในการจะเริ่มเรียนว่ายน้ำมานานมากเลย เป็นสิบปีก็ว่าได้มั้ง คือจริง ๆ สิบกว่าปีที่ว่า น่าจะเป็นความอยากจะว่ายน้ำเป็นมากกว่า แต่ก็แบบไม่เอาจริงสักที ไม่ได้ตั้งใจจะเตรียมตัวเตรียมใจแบบจริง ๆ จัง ๆ อะไร
ด้วยเรารู้ตัวดีว่าร่างกายเราไม่ได้แข็งแรงเหมือนคนทั่วไป แต่เราไม่อยากเอามาเป็นข้ออ้าง เป็นสิ่งที่เราตั้งใจที่อยากจะพยายามเอาชนะมันมาตลอด แต่ก็ขาดวินัยในการฝึกฝนร่างกายพอสมควร มีปีนี้ล่ะ ที่เริ่มกลับมาสนใจมันอีกครั้ง ถึงแม้จะยังไม่ดีมาก แต่เราว่าพัฒนาการก็เป็นไปได้ในระดับที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง
เราเคยตั้งใจว่าจะฝึกฝนร่างกายให้แข็งแรงบนบกก่อน แล้วค่อยลงน้ำเป็นลำดับต่อไป แต่บนบกเองก็ยังเหยาะแหยะมาก คือรอพร้อมไม่พร้อมสักที ตัดสินใจเรียนว่ายน้ำครั้งนี้ จากที่รู้ว่าอีกไม่นานเราจะย้ายไปต่างจังหวัด ก็เลยคิดว่าเอาล่ะ ต้องเริ่มแล้ว ด้วยคิดว่ากรุงเทพฯ น่าจะหาครูที่ราคาเหมาะสมมีให้เลือกได้เยอะกว่า ก็เลยเสิร์จหาเจอใน bestkru.com ก็มีความน่าเชื่อถือ เลือกโปรไฟล์และราคา ชม.ละ 400 บ. คอร์ส 10 ชม. รีบจัดตารางเรียนแบบ private เลือกเรียนเวลาเช้าตรู่ก่อนไปทำงาน ดีที่เราเข้างานรอบ 09.30 – 17.30 น. ช่วงเช้าก็เลยจะทำกิจกรรมได้เยอะหน่อย ดีกว่าช่วงเย็นที่เวลากลับอาจไม่แน่นอน เริ่มลงเรียนตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย. แต่ก็ยังมีงานเช้าตรู่บ้าง เวลาไม่ตรงกับครูบ้าง ก็ปาไปจะ 2 เดือนละ
อยากบันทึกความรู้สึกการก้ามข้ามผ่านความกลัวของตัวเอง วันแรกที่จะลงน้ำ ตื่นเต้น ใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลยล่ะ เจอครูวันแรกด้วย แต่ก็เป็นการดีที่ครูไม่รู้จักกันมาก่อน ก็จะได้ทั้งความเกรงใจซึ่งกันและกัน แน่นอนว่าเราจะไม่งอแงกับครู และไม่ต้องอายอะไรมาก คือเจอกันแค่ 10 ชม. นี้ล่ะ
หน้าตาวันแรกที่ลงสระ ระหว่างรอครู
และด้วยความที่เราก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว คือไม่ใช่เด็ก ๆ ก็ต้องพยายามเก็บข่มความกลัวไว้ให้ได้มาก ก็อยากว่ายเป็นนี่นา มัวกลัวแล้วเมื่อไหร่จะว่ายได้ แต่เราก็บอกความต้องการและข้อจำกัดของตัวเองให้ครูรู้ในเบื้องต้นแหละ แต่พอเริ่มเรียนเราพยายามกับจิตใจตัวเองอย่างหนัก ให้ไม่กลัวและทำตามที่ครูบอก เพื่อให้ใน 1 ชม. ต้องมีความคืบหน้า มีช่วง ชม.ที่ 3 – 4 ที่จะเป็นท่าพุ่งฉลาม คือฝึกปล่อยตัวแบบไม่ใช้โฟมแล้วนี่แหละ ก็ทำใจอยู่นานเหมือนกันนะกว่าจะกล้าสตาร์ทออกจากขอบสระได้ ก่อนหน้านี้อย่างน้อยเราก็มีโฟมที่เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวให้เราลอยตัวได้ แต่ต่อไปจะไม่มีอะไรยึดแล้ว เราต้องลอยตัวได้ด้วยตัวเอง ครูก็บอกแล้วบอกอีกว่าร่างกายคนเรามันจะไม่จมน้ำหรอก ที่ทำให้คนจมน้ำก็เพราะความกลัวและขาดสติ ซึ่งก็จริง
จะมีช่วงยากอีกทีก็ช่วง ชม.ที่ 6 – 7 ระบบหายใจ ระบบประสาทสัมผัสทุกอย่างต้องดี สติต้องมี ใจต้องได้ ขณะฝึก สมองเราจะคิดไปต่าง ๆ นานา นอกจากเอาชนะความกลัว ยังคิดตลอดว่าแขนจะยังไง ขาจะแบบไหน ปากอมลมปล่อยลมตอนไหน หายใจยังไง ก้มหน้า พลิกหน้า จังหวะไหนก่อนหลัง โอยสารพัดจะคิด หลายครั้งที่รวนกลางทางเฉยเลย ครูบอกที่เรารวน มักจะเกิดจากการคิดเยอะ ผู้ใหญ่จะคิดเยอะกว่าเด็ก เด็กทำตามที่สั่ง ผู้ใหญ่จะคิดไปก่อนแล้วว่าจะเจออะไร จะยังไงต่อ คือคิดเยอะเกินไปจะกลายเป็นสิ่งขวางกั้นการกระทำได้
แต่ครูก็ชมนะว่าใจเราได้ ใจเราไม่ยอมแพ้ แม้ร่างกายเหมือนจะไม่ไหวแล้ว ชม.ที่ 8 – 9 ว่ายระยะไกลและช่วงน้ำลึก (ปกติจะฝึกอยู่ขอบสระที่เรายืนถึง ในด้านกว้างของสระซึ่งระยะว่ายไม่ไกลนัก) พอมาตอนนี้ต้องช่วงด้านยาวของสระและลึก เราว่ายได้ยาวรวดเดียวถึงฝั่งนะ ทั้ง ๆ ที่จะไม่ไหว แต่สิ่งที่บอกกับใจตัวเองคือ เราจะเสียการทรงตัวระหว่างทางไม่ได้ คือน้ำมันลึกอยู่ ยืนก็ไม่ได้ ครูก็ไม่อยู่ในสระ ถ้าปล่อยล้มคือยืนใหม่ไม่ได้แน่ ๆ ต้องแบบฮึดสู้ไปต่อ ให้ถึงจุดหมายเท่านั้น แต่ระหว่างทางท่าก็ไม่สวยหรอกนะ ท่าถูกบ้างไม่ถูกบ้าง คือส่วนมากจะท่าไม่ถูกอ่ะ ว่ายเฉียงขวามาก แน่นอนว่าไม่เพอร์เฟค ซึ่งนั่นคือต้องฝึกอีกไง แต่ขอให้ทำให้สุดก่อน จะได้รู้ว่าจะต้องปรับต้องแก้อะไรตรงไหน
การฝึกว่ายน้ำก็ทำให้เราได้เรียนรู้หลายอย่าง ก็ไม่ต่างกับเรื่องอื่นในชีวิต ตอนทำไม่ได้ก็ว่ายาก พอผ่านมาได้ ก็อ่อแค่นี้เองเหรอ อืมม ก็เท่านั้น ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ถ้าพยายาม ที่เหลือคือฝึกและพัฒนาให้เชียวชาญ แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าจริง ๆ แอบมีท้อบ้างเป็นธรรมดาของมนุษย์เราล่ะ ยิ่งเมื่อวาน ชม.ที่ 9 พอเราว่ายระยะยาวน้ำลึกรอบแรก เราปวดหัวมาก หนักหัวแบบบอกไม่ถูก จะขยับหรือส่ายหัวยังยาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะน้ำเย็นหรือยังไง ก่อนหน้านี้ก็มีบ้างนะ แต่ด้วยระยะสั้นมั้ง มันก็เลยไม่มากแบบนี้ เราพักอยู่นาน กว่าจะเริ่มรอบใหม่อีก ซึ่งก็ยังเป็น และปวดต่อมาในระหว่างวัน แต่ก็พยายามฝืนใช้ชีวิตไปตามปกติ
ก็ทำให้เริ่มต้องสังเกตร่างกายตัวเองอีกที ลองหาข้อมูลในเน็ต ก็มีคำเชื่อมโยงเกี่ยวกับคำว่าเลือดจางด้วย และก็อาจจะหลายสาเหตุ ความเครียด การกดดันตัวเอง นอนน้อย น้ำเย็น ร่างกายไม่ได้วอร์ม หรือระบบหายใจระหว่างว่าย ทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่ทันช่วงที่เราว่ายอัดไป หรืออาจจะด้วยพื้นฐานร่างกายเรา จะว่าไม่เป็นปกติแบบทั่วไปก็ว่าได้ ซึ่งภายนอกดูเหมือนคนแข็งแรงทั่วไป ที่ไม่มีใครรู้ว่าจริง ๆ เราแข็งใจต่างหาก เราไม่อยากเป็นคนอ่อนแอ เราถึงจะพยายามเอาชนะร่างกายอยู่นี่ไง แค่ความพยายามยังไม่เพียงพอ ด้วยตั้งแต่เด็ก หากใครร่วมชั้นเรียนกับเราจะรู้ดีว่าเราเรียนพละแทบไม่ได้ เรียกว่าไม่ได้เลยดีกว่า เกรดสูงสุดวิชานี้น่าจะ 1 ไม่เกิน 2 เป็นวิชาที่ใคร ๆ เขาได้ 4 กันแบบไม่ต้องคิดอ่านอะไรเยอะแยะ
แต่สำหรับเรา วิ่งรอบสนามก็เป็นลม เพื่อนต้องแบกกัน ร้องไห้ในวิชาพลศึกษาเป็นประจำ ตอนนั้นยังเด็กประถม – มัธยม ยังไม่รู้วิธีฝึกตัวเองให้เข้มแข็งยังไง อ่อนแอไม่ไหวก็แสดงออกมาตามนั้น ก็เป็นภาระกับเพื่อนกับครูพอสมควรในตอนนั้น จะซิทอัพ กระโดดสูง กระโดดไกล ทำไม่ได้เลย ไม่เคยซิทอัพได้เองเลยในชีวิตนี้ จนถึงทุกวันนี้เลยล่ะ วิ่งก็เหนื่อยง่ายมาก ประเภทกรีฑานี่จบเลย อ่อประเภทอื่นก็ไม่ต่างนะ ปิงปองที่ว่าง่ายก็ตีไม่ถูกลูก วอลเลย์บอล บาสเก็ตบอล ไม่ต้องพูดถึง จำได้ว่าตอนเข้าค่าย เราได้เลือกเป็นหัวหน้าหมู่ของเนตรนารี (หมู่นกยูง) เดินถือไม้ง่ามนำทีมเลย ต้องเดินข้ามคลองด้วยเชือก 2 เส้น ไต่เส้นนึง โหนเส้นนึง เป็นลมล้มพับตั้งแต่เริ่มก้าวแรกเลยจ้าา หมดกันความหัวหน้าหมู่ (คือด้วยความหน่วยก้านดูเหมือนจะดีมั้ง ตัวสูงกว่าเพื่อนในตอนนั้น)
หรืออาจจะด้วยโลหิตจางมาตั้งแต่เด็ก ประมาณว่าเป็นพาหะธาลัสซีเมียแบบไม่ร้ายแรง คือใช้ชีวิตได้ตามปกติทั่วไป ซึ่งจริง ๆ เราก็เห็นเดี๋ยวนี้คนเป็นกันเยอะ โดยที่เราก็ไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงของตัวเองนะ เขาว่าพันธุกรรม แต่พ่อกับแม่เราเดิมทีเมื่อก่อนร่างกายแข็งแรงมาก ที่บ้านไม่มีใครมีปัญหาเรื่องเลือดกัน ก็แค่ได้รู้ไว้เพื่อดูแลตัวเองถูกเท่านั้น ในตอนทำงานช่วงแรก ๆ อายุสัก 20 ได้ ก็ยังมีแบบเคยไม่สบายที่ต้องไปให้เลือดอยู่ครั้งนึงครั้งเดียวแหละมั้ง หลังจากนั้นด้วยเริ่มโตขึ้น รู้จักทำจิตใจให้เข้มแข็งขึ้น ฝืนร่างกาย ไม่ยอมแพ้ต่อความเป็นไป หรืออาจจะประกอบกับเจอเรื่องราวอะไรมามากมายด้วยมั้ง ระยะหลังเราก็ไม่เคยป่วยในลักษณะนั้นอีกเลย เราไม่ยอมเจ็บป่วยด้วยล่ะ ถ้ายังพอมีแรงลุกเดินได้ก็จะไม่ถือว่าตัวเองป่วย เราว่าจิตใจสำคัญมากจริง ๆ เพราะเราสังเกตว่าร่างกายเราก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ จะมีก็แค่เรื่องเลือดที่ผลล่าสุดที่ตรวจสุขภาพก็ยังคงเลือดจางอยู่ ซึ่งมันก็คงอยู่กับเราไปแหละ ก็ดูแลตัวเองไป ดีที่ไม่ได้ต้องกินยาหรืออะไรทั้งนั้น และที่คิดว่ายังมีเรื่องที่ฝึกได้อีก ก็คงจะเป็นเรื่องกล้ามเนื้อ ที่ส่งผลต่อเรี่ยวแรงเวลาจะออกแรงใช้กล้ามเนื้อแต่ละส่วนอาจยังมีปัญหาอยู่บ้าง ซึ่งเราเชื่อว่ามันฝึกได้ ช่วงหลังถึงได้เริ่มสนใจ Bodyweight ซึ่งตั้งใจว่าจะจริงจังสักทีละ ทั้งที่เคยมี personal trainer ก็บอกว่าร่างกายเรากล้ามเนื้อหลายส่วนเลยล่ะ อยากจะแข็งแรงก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากฝึกและฝึก อาจใช้เวลาฝึกหนักและสม่ำเสมอกว่าคนทั่วไป แต่ความแข็งแรงนั้นเป็นไปได้แน่นอน
กลับมาเรื่องว่ายน้ำ นั่นล่ะจะบอกว่าทุกอย่างสัมพันธ์กันหมด ล้วนแล้วมาจากร่างกายและจิตใจ เป็นพื้นฐานสำคัญในการที่จะขับเคลื่อนให้เราทำทุกอย่างในชีวิตได้สำเร็จเลยล่ะ ถ้าถามว่าปีใหม่ขอพรได้จะอยากได้อะไร ก็อยากได้ใจที่แข็งแกร่งและร่างกายที่แข็งแรงนี่ล่ะ แล้วเราจะมีแรงกายแรงใจและสมองที่ดีไปสร้างทุกอย่างได้เอง
Leave a Reply