เราได้เรียนรู้อะไรจาก ‘พัคแซรอย’?!

… เรียนไม่จบ โดนไล่ออกจากโรงเรียน
พ่อตกงาน และต้องมาตายจากไป
ตัวเองต้องรับโทษอยู่ในคุก
ไร้ซึ่งอิสรภาพและอนาคตที่สดใส
ทั้งที่เขาไม่ใช่คนเลว …

ถ้าคุณตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้จะทำอย่างไร?
และลองจินตนาการว่าอนาคตของเขาคนนี้จะลงเอยเช่นไร?

ประธานบริษัทธุรกิจอาหารอันดับหนึ่งของประเทศ

ใช่ค่ะ 👉 เขาคือพัคแซรอย
เขาแข็งแกร่งและฝ่าฟันจึงได้มา

แล้วเราได้เรียนรู้อะไรจากพัคแซรอยบ้าง?

  1. เอาความเจ็บปวดมาเป็นพลัง

แม้จะเริ่มต้นจากความแค้น ความรวดร้าวที่ฝังอยู่ในจิตใจมานานนับปี แต่เพราะสิ่งนี้จึงเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ เขาทำให้เห็นว่าเขาไม่ใช่แค่ปลาตัวเล็กที่ปลาใหญ่จะกินได้โดยง่าย คนไม่มีอะไรอย่างเขาต้องมีอะไรที่ไม่ธรรมดา ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าต่อกรกับปลาใหญ่อิทธิพลล้นฟ้าได้แน่

  1. เป้าหมายชัดเจน

มองเห็นเป้าหมายที่ชัด แน่วแน่ที่ปลายทาง นั่นคือความไม่ธรรมดาของเขา และเป็นแรงผลักให้เกิดการขับเคลื่อนความคิด สติ และการปฏิบัติลงมือทำ เขาใช้จังหวะเวลา คิดไตร่ตรองและวางแผนอย่างแยบยลเพื่อผลของเป้าหมาย ถึงแม้ระหว่างทางมีสะดุด แต่เขาแข็งแกร่งเกินที่อุปสรรคใดจะทัดทานได้  จากคนไม่มีอะไร ต้นทุนติดลบ แต่ต้องการเป็นที่หนึ่งในวงการธุรกิจอาหาร

  1. ผู้คนและความเชื่อมั่น

นั่นคือคติในการทำธุรกิจของเขา
“ผู้คนสำคัญกว่าเงิน ความเชื่อมั่นสำคัญกว่ากำไร”

คิดทำการใหญ่ จะมัวเดินเดี่ยววันแมนโชว์อยู่ไม่ได้ ทีมเวิร์คจึงสำคัญ การมีทีมงานไม่ใช่เรื่องยาก แต่การมีทีมเวิร์คนี่สิ ทั้งการบริหารทีม การมอบหมายงาน put the right man on the right job ทั้งยังเรื่องความละเอียดอ่อนอีกมากมายในการครองคนครองงาน

แต่เคยมีคำกล่าวไว้ว่า
“สิ่งไหนที่เราใส่ใจ สิ่งนั้นจะงอกเงยและเติบโต” จิตใจของผู้คนก็เช่นกัน

จะเห็นได้ว่าพัคแซรอยถึงแม้จะมีเป้าหมายในการทำธุรกิจจริงจังมากแค่ไหน แต่หากต้องเลือกระหว่างจิตใจความรู้สึกของทีมงานกับผลประโยชน์ทางธุรกิจ เขาเลือกอย่างแรก ไม่ใช่ว่าเขาอ่อนแอไม่หนักแน่น หากแต่เขาคิดเสมอว่าเขามีวันนี้ที่ทำสำเร็จได้เพราะเขามีทุกคน จึงไม่แปลกที่ความรักและภักดีของผู้คนของเขาจะงอกเงยและเติบโตเป็นกำลังให้เขาอย่างมั่นคง

และผู้คนที่ว่านี้ ไม่ได้หมายถึงแค่ทีมของเขาเท่านั้น ด้วยส่วนตัวแล้วเขาเป็นคนมีน้ำใจเป็นทุนเดิม เห็นใครถูกรังแกไม่ได้ เขามีความจริงใจมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว และทั้งหมดทั้งมวลในความเป็นเขา ทำให้เขาได้ใจใครต่อใครรอบข้างมากมาย ที่พร้อมจะยืนเคียงข้างสนับสนุนเขาอย่างเต็มกำลัง

  1. ความแค้นไม่ทำให้มีความสุข

เขาไม่เคยมีความสุขเลยสักครั้ง แม้ในวันที่ธุรกิจเติบโตไปได้ดี เขาอยู่กับความคิดถึงพ่อและโกรธเกลียดคนที่ทำให้พ่อของเขาต้องตาย ความคับแค้นเป็นทุกข์ที่ก่อกวนในจิตใจเขาตลอดมา เขาผ่านมันไปกับค่ำคืนที่ขมขื่น จนในวันที่เขาได้เจอพ่อผู้ล่วงลับไปแล้ว ในภวังค์ที่เขาไม่ได้สติจากการถูกรถชน ขณะคุยกับพ่อ ภาพและถ้อยคำของหญิงสาวปรากฏเข้ามาในมโนคิด “นี่หรือคือชีวิต ถ้าอย่างนั้น ขออีกสักครั้ง” ทำให้เขาตัดสินใจที่จะไม่ไปกับพ่อ เพื่อขออีกสักครั้งที่เขาจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

“ในวันที่ไม่มีพ่อ ความคิดถึงพ่อ ผมจะโอบกอดมันไว้ แล้วใช้ชีวิตไปกับมัน” หลังจากที่เขาขอกอดพ่ออีกสักครั้ง

.“แบบนี้สิที่เรียกว่าชีวิต … ตราบใดที่ยังมีชีวิต ไม่ว่าอะไรก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่”

พ่อได้กล่าวทิ้งท้ายกับเขา โดยไม่เสียใจกับการตัดสินใจของเขาเลย แต่กลับเหมือนหมดห่วงและภาคภูมิใจในตัวพัคแซรอย

การลงเอยด้วยความสำเร็จ ก็เพราะเรื่องนี้คือหนังคือซีรีย์ ไม่ใช่ชีวิตจริง ก็ทำได้สิ แต่เราไม่คิดอย่างนั้นนะคะ

ความเป็นพัคแซรอยในแบบอย่างที่เราได้เรียนรู้มาต่างหากล่ะ ไม่ว่าจะเป็นหนังหรือเป็นชีวิตจริง หากคุณมุ่งมั่น บากบั่น ไม่ย่อท้อ ในวิธีคิดที่ถูกต้อง และอื่น ๆ อีกมากมายในแบบที่เป็นตัวเรา ก็ต้องเกิดผลงอกเงยไม่ทางใดก็ทางหนึ่งแน่นอนค่ะ

เนื้อเรื่องเข้มข้นกว่านี้มาก สะกดเราให้ตรึงอยู่กับบทบาทของนักแสดง ลุ้นไปกับเรื่องราว ทุกการตัดสินใจ ทุกฉากตอนที่ต้องเจอบททดสอบของชีวิต หลายครั้งที่ยากจะคาดเดาว่าจะเอายังไงดีนะกับปัญหานี้ มีกลยุทธ์เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยให้เราได้เรียนรู้ เก็บเกี่ยวและคิดตามที่มากกว่า 4 ข้อข้างต้น คุ้มค่ามากค่ะกับการจ่ายเวลาให้กับเรื่องนี้

ITAEWON CLASS ธุรกิจปิดเกมแค้น

Repost from BD : May 2, 2020 at 04.59 pm.

 

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *