ขอจริงจังกับเป้าหมายอีกสักครั้ง

ตั้งเป้าหมายอีกสักครั้งมันยังไม่สายไปใช่มั้ย อยากทำโน่นทำนี่มากมาย แต่หลายอย่างก็ไม่เป็นไปตามตั้งใจหรือแผนที่วางไว้


ที่ผ่านมาเป็นคนวางแผนเก่งซะเหลือเกิน แต่ลงมือทำนี่สิ ไม่ได้ครึ่งของแผนเลย ปรับแผนตลอดเวลา (ปรับลดซะด้วย) หรือบางทีก็ใช้เวลาวางแผนมากเกิน จัดระบบระเบียบ วางขั้นตอนกระบวนการซะมากไป พอถึงตอนต้องทำ หมดเวลาแล้ว หมดเรี่ยวแรงจากสิ่งเร้าภายนอก เรื่องอื่น ๆ มากมายนอกแผนภายในใจของเรา หรือจนบางทีก็หมด passion ไปเองก็มี

บางทีก็คิดนะ นี่จนป่านนี้แล้ว ผ่านมาครึ่งชีวิต แต่ทำไมนะ เหมือนยังมีอะไรต่อมิอะไรที่่ยังไม่ได้ดั่งใจเท่าไหร่นัก ไม่ใช่เพราะใครเลย เพราะตัวเองทั้งนั้น ถึงแม้อีกใจนึงจะบอกตัวเองว่าเมื่อมองย้อนกลับไป ที่เราเดินทางมาจนถึงวันนี้ ก็ถือว่าหลายผลลัพธ์ควรจะเป็นที่น่าพอใจได้แล้ว จริง ๆ ที่ผ่านมาก็ทำอะไรได้หลายอย่างล่ะ แต่ไม่กล้าเรียกว่าสำเร็จในชีวิตหรอกนะ ภายนอกอาจดูเหมือนดี แต่ภายในเรารู้อยู่ในใจลึก ๆ ว่าเราดีกว่านี้ได้อีกมากโขเลยล่ะ ถ้าเราตั้งใจจริง ๆ มีวินัยกับทุกสิ่ง

เป้าหมายเราจริง ๆ ตอนนี้ ก็คือการอยากเป็นคนที่พัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้ว่าทำไมที่ผ่านมาหรือจะตอนนี้ก็เถอะ เรารู้สึกว่าเรายังขาดตลอด ในเรื่องของความรู้ไม่ว่าจะศาสตร์สาขาใดหรือจะเป็นเรื่องรอบตัวทั่วไป อยากจะเติมตลอด (เรื่องที่นอกเหนือจากเรื่องงานประจำวัน) แต่บางทีเราก็อ้างกับตัวเองว่าด้วยภารกิจเฉพาะหน้าหลายสิ่ง ที่เป็นมาในช่วง 10 ปีหลังนี้ (นั่ง list timeline ช่วงที่ผ่านมา ชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงตลอดแทบทุก ๆ 1 ปี เลยล่ะ) ทำให้เรายุ่งตลอดเวลา มีสิ่งใหม่ให้เราต้องปรับตัวต้องเรียนรู้ .. หลายเรื่องเราทำได้นะ คนภายนอกมองว่าทำได้ดีด้วย แต่เรารู้อยู่ลึก ๆ ว่ามันแค่ผิว ๆ อ่ะ เราว่ามันลึกได้กว่านั้น พอจะให้ลึกในเรื่องนั้น สิ่งนั้น ก็ต้องไปเรื่องเฉพาะหน้าอื่น ๆ อีก นั่นทำให้เรามีข้ออ้างกับตัวเองเสมอว่า “ไม่มีเวลา” “ยุ่งมาก” (จริง ๆ ช่วงนี้ที่มาทำบล็อกได้ ก็ถือว่าว่างมากกว่าปกติแล้ว แต่กลัวเหลือเกิน กลัวความไม่ยั่งยืน) วันนี้ฟัง podcast อ.นภดล (ศ.ดร.นภดล ร่มโพธิ์) Podcast : Nopadol’s story ตอน Book Review : Master Your Motivation ก็ฉุกคิดคำว่า you’re productive หรือว่าแค่ you’re busy นั่นสินะ คิดทบทวนกลับไปอีก input เวลามากมาย แล้ว output หรือ outcome ที่ได้ล่ะ?!

มันสัมพันธ์กันจริง ๆ ชีวิตการทำงานกับชีิวิตส่วนตัว เราเป็นคนที่โหยหาโลกความเป็นส่วนตัวของตัวเองมาก แต่ชีิวิตประจำวันส่วนมากทำงานก็ 10 – 12 ชั่วโมงแล้ว ไม่รวมเวลาเดินทาง ธุระประปรัง สังคม โน่นนี่นั่น กว่าจะมีเวลาส่วนตัวจริง ๆ ในแต่ละวัน ก็หลัง 4 ทุ่มไปแล้ว หลายครั้งถ้าเราอยากมีเวลาส่วนตัวที่เราจะนั่งจมจ่อมคิดอะไร ทำอะไรที่ชอบ นั่นหมายความว่าเราต้องเบียดเวลานอน ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ไม่มีปัญหา ถึงเป็นตอนนี้ก็เหอะเราก็ทำอย่างนั้นอยู่บ่อย ๆ นอนน้อย อีกวันก็กินกาแฟเอา แต่ด้วยเราตระหนักกับคุณภาพชีิวิตและสุขภาพมากขึ้น ทำให้ไม่อยากนอนดึกเลย แต่ที่ผ่านมาก็ไม่เคยต่ำกว่าเที่ยงคืน ทั้งที่อยากนอนแทบแย่ (แต่ผลของการนอนดึก บางทีก็ไม่ใช่ว่าจะได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันนะ)

มาวันนี้เราว่าเราจะเอาจริงแล้วนะ ที่จะตั้งเป้าหมายอีกสักครั้ง วางแผนให้ไปถึง goal ที่ต้องการอีกสักหน แล้วมี commitment กับตัวเองจริง ๆ จัง ๆ อีกสักที ก็อ่านมาเยอะ ฟังก็เยอะเหลือเกิน พวกเรื่องประมาณว่าบริหารจัดการเวลายังไง ใช้เวลาให้มีประสิทธิผลยังไง 7 อุปนิสัยของผู้ทรงประสิทธิผลก็อ่านนะ แต่ไม่รู้จักเอามาใช้นี่สิ มีประโยชน์อะไรมั้ยนะ 555+ แต่เอาน่า อย่างน้อยเราก็ว่าเราอยู่ถูก track แล้วล่ะ เพราะเป้าหมายเราคือการเป็นคนพัฒนาตัวเอง ทำให้ระยะหลังมานี่ เราก็จะมีโอกาสได้เจอ ได้รู้จักคนที่มีลักษณะประมาณนี้ ทำให้เราได้เรียนรู้การเป็นของแต่ละคนที่เขาประสบความสำเร็จจากการพัฒนาตัวเอง หลายคนที่เห็นเขามีปัจจัยมากมายที่หนักหนาสาหัสกว่าเราเยอะ เขาก็ยังผ่านไปได้ สิ่งที่เขาเหล่านั้นมีคือ “วินัย”

อะไรบ้างที่เราอยากทำแล้วยังทำไม่ได้ 2 เรื่องหลัก ๆ  เลย

  1. อยากเป็นนักเขียน

อยากเขียนหนังสือ อยากมีหนังสือ/เพจ/บล็อกเป็นของตัวเอง แต่เชื่อมะ ยังหาตัวตนตัวเองยังไม่เจอเลย ว่าเราถนัดเรื่องอะไร เก่งเรื่องอะไรที่จะเป็นนักเขียนที่จะสร้างประโยชน์ให้กับนักอ่านได้ นั่นทำให้เรารู้ว่าเรายังขาด input หลาย ๆ อย่าง ก็คือความรู้นั่นล่ะ ที่เป็นความรู้เรื่องนั้น ๆ หรือหลาย ๆ เรื่องอย่างจริงจัง ก็ย้อนกลับมาที่เส้นทางที่เราจะไปถึงฝันตรงนั้นได้ ก็ต้องขยันหมั่นเติม input ให้มากขึ้น จะจากการอ่าน การฟัง การพูดคุย จากการสัมผัสประสบการณ์อะไรก็ตามแต่ สิ่งที่เหมือนจะทำง่ายสุดก็คือการอ่านหนังสือ นั่นคือตั้งเป้าให้อ่านหนังสือได้อย่างสม่ำเสมอ และก็มีหลายคนนะที่เป็นแรงบันดาลใจให้เราในเรื่่องนี้ ไม่ว่าจะเป็น อ.นภดล ที่เป็นผู้ดูแลเพจ Bookoins อ.จะเชี่ยวชาญเรื่องการวัดผล การทำ OKR ในกลุ่มจะมีการตั้งเป้าหมายการอ่านหนังสือ เราก็ไปตั้งกับเขานะ แต่ไม่ได้ตามเป้า 555 เราทึ่งที่ อ.นภดล อ่านได้ตั้งเดือนละ 13 เล่ม ทั้ง ๆ ที่ อ.ไม่ได้ว่างนะ อ.ทำหลายอย่างมาก ไม่ว่าจะสอนหนังสือ ทำวิจัย เขียนหนังสือ เปิดเพจ (ก็หลายเพจเลยนะ) เขียนบทความ ทำ podcast และมีครอบครัวที่ต้องดูแลอีก แถมออกกำลังกายดูแลสุขภาพได้ด้วย โห ดูสิภารกิจเขามากกว่าเราอีก ยังทำได้ ล่าสุดก็มีโอกาสได้เข้าเรียนคอร์สออนไลน์ของ อ. “Authorpreneur สร้างโอกาสเปลี่ยนกระดาษเป็นหนังสือ” ตอนฟังก็ได้แรงบันดาลใจมากมาย ทั้งวิธีิคิดวิธีการที่ อ. ถ่ายทอดจากประสบการณ์อย่างหมดเปลือก (เชื่ออย่างนั้นจริง ๆ เพราะ อ.บอกละเอียดมาก) เป็นจุดเริ่มต้นอีกครั้งให้อยากเปิดเพจ เขียนหนังสือของตัวเอง อะไรประมาณนี้

มาเรื่องเปิดเพจ จริง ๆ เราก็เคยไปเขียนในแพลตฟอร์มหนึ่ง ตอนนั้นเป้าหมายอยากสร้างรายได้ด้วยล่ะ มันก็เลยทำให้เรารู้สึกว่าเราขาดความเป็นตัวตนไปอ่ะ เขียนเพื่อให้คนชอบ แล้วจะเป็นที่มาซึ่งรายได้ ซึ่งก็มีปัจจัยมากมายล่ะ ไม่ใช่แค่บทความเราดีเท่านั้น แล้วก็รู้สึกไม่มีความสุขในการเขียนเท่าไหร่ เหมือนไม่ตอบโจทย์กับจำนวนเวลาที่ใช้ไปมากมาย พอฟังของ อ. ก็อยากเปิดเพจอีก ก็หันมาเปิดเพจในเฟชบุ๊ค ระหว่างนั้นก็คิดมากมายว่าจะเปิดเพจเขียนอะไรดี คือถ้ามันไม่ชัดเจนในตัวตน ตามหลักการตลาดก็คือเราไม่สามารถ positioning ตัวเองได้ชัด ใครจะมาติดตามล่ะ แล้วจะต่อยอดไปทำหนังสือได้ยังไง อะไรทำนองนี้ ก็ตัดสินใจว่าจะเปิดเพจประมาณว่ารีวิวหนังสือไปก่อน บังคับตัวเองให้อ่านหนังสือเยอะ ๆ ด้วย

แต่ระหว่างนั้นเอง เราได้เจอ blogger คนนึง (จริง ๆ รู้สึกเขินตอนเขียน part นี้นะ แต่มันอยากเขียนจริง ๆ อ่ะ) สะดุดและฉุกคิดมากกับประโยคที่่ว่า “เราเขียนสิ่งที่ออกมาจากความรู้สึกจริง ๆ หรือเขียนเพื่ออยากให้ใครสักคน หรือคนบางกลุ่มบางประเภทประทับใจกันแน่?” ประโยคของ blogger คนนี้ปลดล็อกเราเลย เป็นจุดตัดสินใจของเราเลยล่ะ ที่กลับมาใช้ชื่อเพจเดิมที่เคยเขียนแพลตฟอร์มก่อนหน้านั้น “เป็นฉัน” ชื่อนี้เลย ยกเลิกชื่ออื่นทันที เพราะที่เราตั้งชื่อ “เป็นฉัน” ตอนแรก ก็เพราะเราอยากจะเขียนอะไรที่เราอยากเขียนอ่ะ คืออะไรก็ได้ เรื่องดินฟ้าอากาศ วิทยาศาสตร์ หนังซีรีย์ เศรษฐกิจ ท่องเที่ยว จะมีสาระหรือไม่มี ก็อะไรก็ได้ที่ฉันคิดและรู้สึกหรือได้เรียนรู้ในตอนนั้น … ไม่ใช่เหรอ?! และที่เราเลิกเขียนจากแพลตฟอร์มแรก เพราะเราไม่ได้เขียนตามที่ตั้งใจตอนแรกนี่นา แล้วจะยังมาตั้งเพจใหม่เพื่อให้คนอื่นถูกใจอีก อยากสร้างรายได้ก็ใช่ แต่ควรจะมาจากความสุขที่ได้เขียนก่อนมั้ย แล้วเราเชื่อว่า ถ้าเราได้ทำตาม passion ของเราอย่างสม่ำเสมอจริง ๆ เราจะได้รู้ตัวตนตัวเองที่จะไปต่อยอดการสร้างประโยชน์ให้ผู้อื่นและสร้างรายได้ให้ตัวเองตามมา แล้วค่อยไปทำตามวิธีของอาจารย์ในคอร์สอีกทีก็ยังไม่สาย

ก็มาเปิดเพจเฟชบุ๊คในชื่อ “เป็นฉัน” มียิง ads ด้วยนะ ก็คืออยู่ในเพจอ่ะนะ จะร้างไร้ผู้คนก็ยังไงอยู่ 555 และอีกอย่างก็อยากรู้ด้วยแหละว่าบทความที่เราเขียนเป็นยังไงบ้าง ก็มีคน like เป็นปกติแหละ ก็โฆษณาก็ต้องมีคนเห็นและมีคนชอบบ้างอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่ตอบโจทย์อีก (ไม่ได้อยากนั่งคอยดูว่าใครจะ like หรือไม่) ก็คิดอีก เอ… เขียนที่ไหน ยังไงดีนะ เอาไงดีกับความฝันของฉัน

มาลงเอยที่บล็อกนี้เลยค่ะ จริิง ๆ การสร้างเว็บไซต์ เคยมองว่าเป็นอะไรที่ยาก (ซึ่งก็ยากจริง ๆ) ที่เราไม่ได้มาสายนี้ คงทำไม่ได้ และคงต้องจ้างเขียนเท่านั้น แล้วแบบประมาณว่าเรามือสมัครเล่น ไม่ต้องถึงขั้นนั้นก็ได้มั้ง ก็เคยเห็นตามเว็บทั่วไปเหมือนกัน เรื่องสร้างได้ด้วยตัวเองอะไรประมาณนี้ เราก็ยังคิดว่ายากไปสำหรับเราอยู่ดี ก็ไปเสิร์จหาเจอ keyword ว่า wordpress ก็ไปค้นค่ะ ค้นใน blogger คนเดิม เจออันนี้เลย “สร้างเว็บไซต์ด้วย WordPress ภายใน 1 วัน” ด้วยความเชื่อใจในตัวตนของ blogger คนนี้ล่ะ ว่าจะไม่ผิดหวัง เพราะเคยมั้ยที่เราโหลดซื้อหนังสือมากมาย หลายครั้งเราผิดหวัง ทำไม่ได้จริง คือไม่ตรงปกนั่นเอง  แต่อันนี้โหลดมาทำตามเลย ก็ถ้า 1 วัน หมายถึง 24 ชม. ก็ใช่นะ สร้างได้ตามนั้นเลย 555+ แต่ด้วยเรามีเวลาแต่ละวันน้อย และไม่เคยทำมาก่อนเลย ก็ใช้เวลาอยู่เป็นอาทิตย์ ทำวันละนิดละหน่อย ในที่สุดก็สำเร็จ คิดว่าเก่งแล้วนะ 555 ภูมิใจสุด ๆ เลยล่ะ ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะสร้างได้ มีบล็อกของตัวเองสักที

บล็อกนี้ถือเป็นของขวัญให้ตัวเองเลยล่ะ รู้สึกดีมาก ๆ กับของขวัญนี้ เพราะจะเป็นจุดเริ่มต้นอะไรอีกมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือที่เราจะเริ่มตั้งเป้าหมายกับตัวเองอีกสักครั้งนี่ล่ะ การเขียนบล็อกสม่ำเสมอได้ นั่นแสดงว่าเราต้องมีวัตถุดิบในข้อมูลหรือความรู้อะไรที่เพิ่มขึ้น เมื่อตกผลึกเรียบเรียงถ่ายทอดได้ เราเชื่อว่ามันก็จะต่อยอดเป็นองค์ความรู้ใหม่ ๆ ให้กับตัวเองหรือคนอื่นได้ด้วย บล็อกนี้เราตั้งใจแล้วว่า มันจะเป็นพื้นที่ของเราอย่างแท้จริง ที่จะมีอิสระเสรีอย่างเต็มที่ อยากเขียนอะไรก็เขียน ไม่ต้องสนว่าศาสตร์ไหน ธีมไหน แนวไหน ตามอารมณ์เลย เพราะมันจะคือเป็นเรื่องราวที่ “เป็นฉัน” … แต่จริง ๆ เป็นพื้นที่ที่เปิด public นะ ก็ไม่ได้ private ซะทีเดียว ประมาณว่าใครจะอ่านก็อ่าน ใครไม่อ่านก็ไม่เป็นไร ไม่ได้ต้องการยอดไลค์ยอดแชร์อะไรประมาณนี้ แต่ถ้าใครจะพูดคุยด้วยก็ยินดี แต่แค่ไม่ขอเปลี่ยนตัวตนของตัวเองในพื้นที่นี้

  2. การออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพตัวเอง

อันนี้ก็เป็นความตั้งใจมาหลายปีมาก จัดตาราง routine ของตัวเองจะต้องมีชั่วโมงออกกำลังกาย แต่เรียกว่าล้มเหลวดีกว่า ใช้มาหลายวิธีมาก ทั้งสมัครสมาชิกฟิตเนส จ้างเทรนเนอร์ออนไลน์ เทรนเนอร์ส่วนตัวมาถึงบ้าน หรือจะทำเองตามคลิปต่าง ๆ อุปกรณ์มากมายขนซื้อหามา (เป็นสายอุปกรณ์) แต่เพราะไม่มีวินัยคำเดียวเลย อย่างอื่นก็คือข้ออ้างทั้งนั้น ณ ตอนนี้จริง ๆ ก็อยู่ในคอร์สออนไลน์กับเทรนเนอร์คนใหม่อีกคน เรื่องเสียเงินนี่ถนัดมาก หลายครั้งเราก็มักคิดว่าจ่ายเงินแล้วจะได้ทุกอย่าง เงินซื้อไม่ได้จริง ๆ ต่อให้ซื้อคอร์สแพงแค่ไหน เทรนเนอร์เก่งแค่ไหน คนที่จะขับเคลื่อนการปฏิบัติแล้วนำไปสู่ผลสำเร็จได้ คือตัวเราเท่านั้นเลย ไม่ใช่ใคร ก็จะเป็นอีกเรื่องที่จะขอตั้งเป้าหมาย เอาจริงจังกับตัวเองอีกสักครั้ง ขอจัดตารางเวลาประจำวันใหม่อีกสักหน เป้าหมายเรื่องนี้นอกจากการลดน้ำหนักแล้วในความอยากสวยงามทั่วไปแล้ว เรื่องความแข็งแรงก็คือสิ่งที่เราอยากได้มาตลอด ด้วยตอนเด็กเคยมีภาวะร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ และด้วยเราเป็นคนชอบทำอะไรด้วยตัวเอง ดังนั้นสุขภาพร่างกายจึงสำคัญ

เราเชื่อว่าถ้าเราทำ 2 เรื่องนี้ได้ตามที่ตั้งใจ ความสำเร็จในเรื่องอื่น ๆ จะตามมาเอง มันสร้างผลกระทบถึงกันหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบริหารจัดการเวลา ที่จะส่งผลให้ทั้งเรื่องการงาน เรื่องชีิวิต การเงิน ครอบครัว มิตรภาพ ความสัมพันธ์ต่าง ๆ ทุกอย่างจะดีเอง เมื่อเราไม่หยุดพัฒนา

ปล.
(1) บทความนี้เป็นบทความที่ 4 ที่เขียนสดหลังจากสร้างเว็บนี้เสร็จ บทความก่อนหน้านี้่ส่วนมากเป็นบทความเดิมที่เคยเขียนไว้ในแพลตฟอร์มแรก เอามาลงไว้ตอนทดสอบสร้างเว็บ เป็นความรู้สึก ณ ตอนนั้น ๆ
(2) ต้องขอขอบคุณทั้ง 2 บุคคลที่เอ่ยถึงก่อนหน้านี้ที่สร้างแรงบันดาลใจและส่งผลกระทบให้คนหนึ่งคนได้มีจุดเริ่มต้นทำตามฝัน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *