เรื่องที่ง่ายที่สุดกลับกลายเป็นเรื่องที่ยากที่สุด

~ ยากหรือง่าย ~ บางทีก็ไม่ได้วัดกันที่การกระทำหรือการลงมือปฏิบัติ แต่วัดกันที่ใจต่างหาก

เมื่อวานเพื่อนสนิทเปรย ๆ ว่าเป็นห่วงลูกสาวที่กำลังจะเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ก็ต้องไกลบ้านไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ เราก็ตอบไลน์ไปซะยืดยาว ประมาณว่า “ให้วิธีคิดเขาก็พอ นอกนั้นทุกอย่างเขาจะต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง ให้เชื่อใจและไว้ใจเขา อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ทุกอย่างจะมีทางออกของมัน เขาจะได้เติบโตขึ้น เพียงแค่เวลาที่เขามีปัญหาให้เขานึกถึงเราเป็นคนแรก กล้าที่จะเล่าทุกอย่างให้เราฟัง กล้าที่จะปรึกษา บลา ๆๆ …” ไม่ใช่ในมุมของแม่ แต่เป็นในมุมของลูก ก็ยังพูดขำ ๆ กับเพื่อนว่าเหมือนจะอยากบอกผ่านไปถึงที่บ้านตัวเองยังไงไม่รู้ แล้วทำไมไม่บอกเอง นั่นสิ 555 ก็เพราะเรื่องที่ง่ายที่สุดกลับกลายเป็นเรื่องที่ยากที่สุดน่ะสิ

เอาแค่เรื่องโทรศัพท์ ตั้งใจจะโทรหาที่บ้าน ก็ผลัดวันประกันพุร่งอยู่นี่เอง ไม่รู้ทำไมช่างยากเย็น อาจเป็นเพราะเป็นเรื่องที่นาน ๆ ทำที จะทำแต่ละครั้งก็ต้องรู้สึกเผชิญตลอด ๆ และอาจจะด้วยไม่ได้มีบ้านเดียว (บ้านพ่อ บ้านแม่ บ้านอี๊ เดี๋ยวจะว่าโทรหาคนนี้ ไม่โทรหาคนนั้น ก็ไม่โทรเลยละกัน) ทั้งทีพอโทรไปก็ไม่ได้มีอะไรที่น่ากลัว หลายครั้งรู้สึกว่าเขารอเราอยู่ด้วยซ้ำ แต่สไตล์ของที่บ้านเขามักจะไม่โทรหาเราก่อนถ้าไม่มีธุระด่วนหนักหนาจริง ๆ ด้วยคิดว่าจะรบกวนเวลาทำงาน (อันนี้ผิดเอง ที่ก่อนหน้านั้นเราติดนิสัยทำงานกับบริษัทญี่ปุ่น คือจะไม่รับโทรศัพท์ส่วนตัวเวลาทำงานเลย เขาก็เลยไม่รู้จะโทรหาเราเวลาไหนดี)

และก็นิสัยไม่ดีอีก ที่จะหลีกเลี่ยงการพูดความจริงกับที่บ้าน (พูดชัด ๆ ก็คือโกหกนั่นล่ะ) โดยให้เหตุผลกับตัวเองว่า เพื่อให้เขาสบายใจ จะได้ไม่ต้องห่วงไม่ต้องกังวลกับเรา มันก็อาจมีส่วนให้การพูดคุยไม่สนิทใจ ที่ต้องปกปิดความจริงหลายอย่าง ก็จริง ๆ ไม่ได้อยากโกหก ไม่ได้รู้สึกดีเลย แต่เราชั่งน้ำหนักแล้วล่ะ ระหว่างให้รู้กับไม่รู้อันไหนจะส่งผลดีกว่ากัน (หลายเรื่องถ้ารู้ก่อนจะถูกสั่งห้ามและห้าม แต่เรา…ไม่ จะทำ ขอทำเถอะ please!!!) และด้วยเรื่องที่ปกปิดนั้น เราคิดว่าไม่ใช่เรื่องเสียหายหรือร้ายแรงอะไร ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน แม้บางเรื่องจะทำให้ตัวเองเดือดร้อนบ้าง 555+ (no pain no gain นะ) และเราก็คิดว่าเราโตพอที่จะรับผิดชอบผลของสิ่งนั้นได้ด้วยตัวเองแล้ว แต่อาจจะด้วยเราวัยต่างกัน ความคิดมุมมองหลาย ๆ อย่างก็แตกต่าง ทุกคนก็มีเหตุผลที่ต่างกันไป และเหตุผลของพ่อแม่ข้อเดียวเลยคือ เป็นห่วง นั่นล่ะ

ก็เข้าใจนะ แต่เราว่าในมุมคนเป็นลูกที่ถูกมองว่าเป็นเด็กเสมอ จะเด็กสมัยนี้หรือเด็กสมัยไหน ถ้ารู้สึกว่าถูกควบคุมก็จะยิ่งรู้สึกอยากหนี ความห่วงที่มากไปจะกลายเป็นความอึดอัด แต่ถ้าเขาไม่ห่วงเลยก็จะว่าเขาไม่สนใจอีกล่ะ เอาเป็นว่าจะหาจุดตรงกลางยังไงให้พอดี จึงเป็นที่มาในการแบ่งปันมุมมองในฐานะคนที่เป็นลูกแต่ไม่เคยเป็นแม่ให้กับเพื่อนไปเมื่อวานนี้

คอยดูว่าสิ้นสุดวันนี้จะได้โทรหาใครมั้ย

Cr.pic : pixabay

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *