การจัดการความเครียดกับปัจจัยภายนอก ที่เรายากจะเปลี่ยนแปลงจนถึงที่อาจจะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้เลย เราก็คงต้องกลับมามองว่าในสถานการณ์ที่เราเผชิญต้องเจอะเจอ เราทำอะไรกับมันได้บ้าง ก็น่าจะดีกว่าจมอยู่กับความรู้สึกว่า “ก็เพราะสิ่งนั้นเป็นอย่างนั้น” “คนนี้เป็นอย่างนี้” แหละน่า
แน่นอนว่าความเครียดส่วนใหญ่คือผู้คน จนบางครั้งก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังเต้นตามเกมหรือจังหวะที่ใครตีกรอบไว้ให้หรือเปล่า ทั้งที่เราไม่ได้อยากเป็นแบบนั้น ไม่ได้อยากเต้นไปตามเรื่องราวหรือผู้คน เราเพียงแค่อยากทำทุกวันให้บรรลุเป้าหมายไม่ว่าจะเรื่องงานหรือชีวิตส่วนตัว แล้วทีนี้พอเราเผลอไปเต้นตามเกมของใครเข้า ทั้งหลายอย่างรวน ทั้งความเครียดเพิ่มสะสมขึ้น แล้วยังเก็บมาเฝ้าคิด ก็เพราะเขาแบบนั้น สิ่งนั้นแบบนี้ ไม่มีประโยชน์เลยจริง ๆ กลับยิ่งเครียดหนักเป็น 2 เท่า หรือมากกว่านั้น คือเครียดเวลาที่เราพบเจอ แล้วยังเครียดเวลาที่เก็บกลับมาคิดย้ำไปย้ำมา
ทั้ง ๆ ที่ก็คิดว่าเราก็เจอมาหลายรูปแบบนะ หนักกว่านี้ สถานการณ์เลวร้ายกว่านี้เราก็เคยเจอ แต่ก็อย่าทะนงตัวเลย ว่าตัวเองแน่เจอมามากมาย เพราะเราก็จะเจออะไรใหม่ ๆ ที่ไม่เคยเจออีกอยู่ร่ำไปแหละ ที่สำคัญคือที่เราเคยเจอ เราได้เรียนรู้อะไร แล้วเอามาปรับประยุกต์ใช้ในเหตุการณ์ที่เจออยู่ตอนนี้ได้ยังไงบ้างมั้ย?
จึงย้อนกลับมาตั้งคำถามกับตัวเอง เราจะบริหารจัดการความเครียดของเราในเรื่องนั้น ๆ ยังไง? เราจะออกจากความเครียดที่เป็นอยู่ได้ยังไง?
และถ้าปัจจัยหลายอย่าง ให้เราหนีออกมาจากตรงนั้นคนนั้นไม่ได้ ถึงมีทางหนีได้ แต่ก็ไม่ใช่หนทางที่เวิร์คอยู่ดี เราจึงต้องคิดหาวิธีจัดการที่จะอยู่กับสิ่งนั้น/คนนั้นให้ได้อย่างไม่เครียด ก็คือจัดการเรื่องการทำงานร่วมกับคนบางประเภทนี่แหละ
1. นิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว คือต้องพยายามมีสติตลอดเวลา ยึดเป้าหมายในแต่ละวันของตัวเองเป็นสำคัญ หยุดการเต้นตามคำร้องหรือสิ่งเร้าที่เขามีมา ไม่โวยวาย ไม่ขัดขืน ไม่ตอบโต้ ไม่ปฏิเสธ ไม่ตอบรับหรือตอบรับเท่าที่จำเป็น ลดการอธิบาย ทำตามหน้าที่ของเราไป จะถูกใจใครหรือไม่อย่าได้แคร์ (มากนัก)
2. ยึดเป้าหมายในแต่ละวัน ตั้งมั่นในเป้าหมาย เพราะเป้าหมายเราก็คือผลสัมฤทธิ์ของงาน อาจจะต้องเมินเฉยกับเรื่องไม่เป็นเรื่องให้มาก ไม่ต้องไปรู้ทุกเรื่องก็ได้ ไม่ต้องเข้าไปจัดการกับทุกเรื่องในโลกนี้ก็ได้ โฟกัสเป้าหมายตัวเอง เราไม่ใช่คนที่จะกู้โลก ขนาดต้องทิ้งเป้าหมายในวันนั้น แล้ววิ่งเข้าไปแบกรับทุกเรื่องปานว่าถ้าไม่ใช่ฉัน ใครก็จะทำอะไรกันไม่ได้เลย คือหูทวนลมบ้างก็ได้
3. เลิกตัดสิน เปิดใจให้กว้าง เขาจะเป็นคนยังไงมาก่อน หรือตอนนี้จะเป็นคนยังไงก็ช่าง แต่เอาเรื่องราว ณ ปัจจุบัน ว่ากันเป็นเรื่อง ๆ คุยเนื้องานข้อเท็จจริงเรื่องนั้นในตอนนั้น แล้วพยายามตัดบท หาข้อสรุปให้เร็ว ถ้าจบไม่ได้หรือไม่ยอมจบไม่ยอมสรุป เดินหนี ถ้าเดินหนีไม่ได้ นั่งนิ่ง ไม่ต้องพูดอะไรทั้งสิ้น และก็ปล่อย (บ้างก็ได้) ให้เรื่องมันค้างไว้อย่างนั้นแหละ
4. ลองเข้าใจเขาดู มนุษย์ทุกคนไม่มีใครมีแต่ข้อเสีย ทุกคนล้วนมีทั้งข้อดีและข้อเสีย และคงไม่มีใครอยากเป็นคนที่ใคร ๆ ก็ระอา แต่แค่อาจมีความแตกต่างในความคิด ลองพยายาม “รู้เขา” เข้าใจในความต้องการของเขา แต่ไม่จำเป็นต้องไปสนองตอบทุกเรื่อง
5. เลิกบ่น เปลี่ยนโหมดให้เร็ว เปลี่ยนลิ้นชักให้ไว อย่าเอาเขามาเก็บไว้ในทุกโหมดทุกลิ้นชัก อย่าไปย้ำคิดย้ำทำว่าเขาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ปล่อยทิ้งไว้ตรงที่เกิดเหตุ
พรุ่งนี้เริ่มเลย
Leave a Reply