เธอไม่ยอมปล่อยหรือฉันไม่ยอมไป

หากเป็นเมื่อก่อนถูกเหนี่ยวรั้งคงอ่อนไหวและใจอ่อน แต่วันนี้การมองโลกที่เปลี่ยนไป คิดว่าตัวเองมองได้อย่างเข้าใจมากขึ้น ก็เลยไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก

ไม่มีทีไหนหรือใครที่แย่ไปทุกเรื่อง และไม่มีที่ไหนหรือใครที่ดีไปทุกอย่าง การตัดสินใจจากลา ไม่ใช่ว่าที่นั้นไม่ดีเสมอไป แต่ก็ใช่แหละที่อาจมีสิ่งที่ไม่ถูกใจเรา ไม่คลิก เคมีไม่ตรงกัน อยู่แล้วไม่อิน ไม่ฟิน หรืออะไรก็ว่าไป ที่ทำให้เป็นเหตุผลแรก ๆ ในการมองหาจุดหมายใหม่

ด้วยผ่านการทำงานมาหลายที่หลายองค์กรที่แตกต่าง ถ้าเป็นตอนยังอ่อนประสบการณ์ ก็จะแอบนึกว่าเราสำคัญกับองค์กร ถึงขนาดว่าหากขาดเราไปแล้วเขาจะอยู่อย่างไร  แต่ที่ผ่านมาก็ไม่เคยเห็นที่ไหนต้องปิดตัวหรือเดินต่อไม่ได้ในวันที่ไม่มีเรา แรก ๆ ก็อาจมีบ้าง แต่สักพักทุกอย่างก็ปรับตัวไปตามครรลอง เขาก็จะหาคนใหม่มาทดแทนเราได้ไม่ยาก

ไม่สำคัญเลยว่าเราจะอยู่ที่นั่นนานแค่ไหน แต่สำคัญว่าช่วงเวลาที่เราอยู่เราได้ทำได้สร้างอะไรที่เป็นประโยชน์ไว้บ้างต่างหาก แม้จะรู้ดีว่าพอเวลาผ่านล่วงเลยนานไป ก็ไม่ได้มีใครจะมาเฝ้าจดจำถึงสิ่งที่เราทำไว้หรอก แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็น เพราะเราไม่ได้ต้องการเป็นตำนานของใคร แค่เรารู้อยู่แก่ใจว่าได้สร้างคุณค่าอะไรให้เกิดในใจเราไว้บ้าง ไม่ว่าจะยังไง ก็ยังเชื่อในคำว่า “ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน” ถึงแม้จะมีหลายคนที่มักบอก “ค่าของคนอยู่ที่คนของใคร” ก็ตาม คำพูดนั้นก็อาจไม่ผิดไปเสียทีเดียว แต่ถ้าเรามัวแต่อ้างเพื่อที่จะไม่ทำอะไรเลย ก็ไม่เห็นจะเป็นผลดีกับใคร โดยเฉพาะตัวเรา

ในวันที่ได้รับข้อเสนอใหม่ จะให้เป็นหัวหน้ากลุ่ม จะอยากอยู่กลุ่มนี้หรืออีกกลุ่ม นึกขอบคุณในความเมตตา แต่คำตอบของเราก็ยังคงยืนยัน เพราะการตัดสินใจไป ไม่ใช่การประชดหรือความไม่พอใจแบบเด็ก ๆ จึงไม่ได้ต้องการใช้เป็นข้อแลกเปลี่ยนกับข้อเสนอใด

เมื่อไม่หวั่นไหว ก็ยิ่งต้องเร่งสะสางงานให้เป็นไปตามแผนอย่างเร่งด่วน และเฝ้ารอการลงนามหนังสือปล่อยตัวอย่างใจจดใจจ่อ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *